พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำทีมติดตามความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ เร่งสำรวจพื้นที่พิพาทเพื่อบังคับใช้กฎหมายนำการเจรจา
จากกรณีเมื่อวันที่ 22 ม.ค.66 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมที่ดิน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากชาวบ้านกว่า 200 คน และต่อมาเมื่อวันที่ 24 ม.ค.66 ได้เรียกประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อสรุปข้อมูลเบื้องต้นและกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวไปแล้ว นั้น
หลังจากการประชุมดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะหลีเป๊ะ เป็นหลักในการนำธนารักษ์จังหวัดสตูล พื้นที่เขตการศึกษาจังหวัดสตูล ครูโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ และผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินพื้นที่ข้างเคียง ได้ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อชี้แนวเขตการครอบครองที่ดิน โดยยึดแผนที่ของทางราชการเป็นหลักได้แก่ แผนที่ตามนำส่งขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุ (ทว 9), แผนที่ตามการรังวัดปักหลักเขตที่ราชพัสดุ พ.ศ.2533, แผนที่ของกรมอุทยานฯ และแผนที่พื้นที่ข้างเคียง รวมทั้งยังได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ในการสำรวจที่อยู่อาศัยของชาวเล เพื่อวางแผนการดำเนินการตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 โดยจะนำข้อมูลที่ได้ เข้าสู่ที่ประชุมในวันจันทร์ที่ 30 ม.ค.66 ต่อไป
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (30 ม.ค.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย ดร.ณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนจาก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมอุทยานแห่งชาติ และกรมบังคับคดี ได้ลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะอีกครั้ง เพื่อร่วมประชุมกับคณะกรรมการฯ และกำหนดแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติม
หลังจากที่ได้ตั้งเป็นคณะอนุกรรมการจำนวน 3 คณะแล้ว เบื้องต้นในส่วนของการตรวจสอบสิทธิมีความคืบหน้าในส่วนของการเปรียบเทียบหลักเขตซึ่งวัดโดยเครื่องมือพิเศษและเปรียบเทียบกับแผนที่ปี พ.ศ.2493 โดยมีเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมสังเกตการณ์ โดยกรมธนารักษ์จะร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้รุกล้ำที่ดินราชพัสดุทุกราย หากพื้นที่ใดสามารถยืนยันเขตได้อย่างชัดเจนแล้ว จะให้กรมที่ดินออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) ให้เรียบร้อย คาดว่าจะแล้วเสร็จในวันพรุ่งนี้
นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าในส่วนของพื้นที่พิพาทที่ศาลได้มีคำพิพากษาให้รื้อถอนจำนวน 15 แห่ง ล่าสุดดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 11 แห่ง ในส่วนที่เหลือจะมีการติดป้ายบังคับคดีตามคำพิพากษาให้ชัดเจนเพื่อรอการรื้อถอน ในส่วนของการตรวจสอบโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตนั้นพบว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 109 แห่ง โดยขณะนี้ปิดกิจการไปแล้ว 11 แห่ง ยังเหลืออีก 98 แห่ง ซึ่งจะร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบ เนื่องจากพบกรณีที่โรงแรมเหล่านี้แม้จะไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม แต่กลับมีการเสียภาษีตามกฎหมาย จึงต้องดำเนินการตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อบังคับใช้กฎหมายได้อย่างถูกต้องและรอบคอบ โดยจะให้ อบต. และ อบจ. ที่มีหน้าที่รับผิดชอบสรุปข้อมูลที่เกี่ยวข้องเช่น ภาษีที่ดิน ภาษีโรงแรม การขออนุญาตสร้างอาคาร เป็นต้น ส่งให้ ภ.จว.สตูล พิจารณาข้อเท็จจริงเพื่อเสนอให้คณะกรรมการทราบต่อไป และจะมีการนัดประชุมในครั้งต่อไปเพื่อติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในวันนี้การดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่เกาะหลีเป๊ะมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม โดยจะมีการกำกับดูแลการดำเนินการอย่างเคร่งครัด สำหรับการบังคับใช้กฎหมายนั้น วันนี้ได้มีการตรวจสอบดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลเพื่อรื้อถอนพื้นที่จำนวน 15 แห่งโดยได้รื้อถอนแล้วเสร็จไปถึง 11 แห่งแล้ว ในพื้นที่ที่เหลืออีกไม่มากนี้ จะมีการติดประกาศคำพิพากษาของศาลตามกฎหมาย และจะเร่งดำเนินการให้การรื้อถอนเป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็ว และในส่วนการตรวจสอบโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตนั้น ได้สั่งการให้ ภ.จว.สตูล พิจารณาข้อมูลที่จะให้ อบจ. และ อบต. ส่งให้ เกี่ยวกับการเสียภาษีและการขออนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการโรงแรม เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และสามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างถูกต้องรัดกุม หากพบการกระทำผิด หรือการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบประการใด ก็จะดำเนินตามกฎหมายไม่มีละเว้น
นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการวัดเขตพื้นที่พิพาท ซึ่งร่วมบูรณาการกันในทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องโดยจะยึดจากแผนที่ทางการเป็นหลัก เพื่อยึดเป็นแนวทางในการเจรจาและบังคับใช้กฎหมายต่อไป ในส่วนของการแก้ไขปัญหาระยะยาวนั้น หลังจากที่คณะอนุกรรมการทั้ง 3 คณะได้ทำงานของตนอย่างครบถ้วนแล้ว จะมีการพิจารณาหาแนวทางในการฟื้นฟูเกาะหลีเป๊ะ เพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และสามารถอยู่ร่วมกับประชาชนในพื้นที่อย่างสงบได้ต่อไป