วันที่ 9 สิงหาคม 2564 เวลา 11.00 น. ที่ สน.ทองหล่อ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการตำรวจสันติบาล นำนายจำเริญ สีจันทร์ อายุ 67 ปี ผู้ต้องหาคดีดังกล่าว เข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท.ศุภชัย หาญคำหล้า รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ทองหล่อ ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ จ.363/2564 ลงวันที่ 2 ส.ค. 64 ข้อหาร่วมกันเป็นอั้งยี่, ซ่องโจร, ข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการ ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สิน ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ ร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยอ้างอำนาจ อั้งยี่ หรือ ซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพและร่างกาย"
ภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวน นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีต รอง ผกก.สันติบาล เปิดเผยว่า นายจำเริญให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งไว้ และใช้เงินประกันตัวออกมา มูลค่า 5 หมื่นบาท ตำรวจได้อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ส่วน นายสมจิน รัตนโชติพานิช อายุ 53 ปี ผู้ต้องที่เหลืออีก 1 คน กำลังรักษาตัวจากอาการป่วย โควิด-19 ที่ โรงแรมจอมเทียน พัทยาบีช จ.ชลบุรี ซึ่งเปิดรับผู้ป่วยเป็นฮอสพิเทล จะนำมามอบตัวที่ สน.ภายหลัง
นายสันธนะ ประยูรรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า คดีตลาดใหม่ดอนเมือง กรณีศาลอาญาได้ออกใบสำคัญคดีถึงที่สุด คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1951/2561 หมายเลขแดงที่ อ.3381/2561 ของศาลอาญา ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์ พ.ต.ท.สันธนะ หรือ รองต่อ ประยูรรัตน์ (ยศขณะนั้น) ที่ 1 กับพวกรวม 11 คน จำเลย เรื่อง ซ่องโจร กรรโชกทรัพย์ บัดนี้คดีถึงที่สุดแล้วรับรองสำเนาถูกต้อง ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2564 โดยตนจะดำเนินคดีอาญากับบุคคลซึ่งเป็นผู้เสียหายของคดี 19 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เกี่ยวข้องทุกระดับ รวมทั้งนายพลใหญ่และนายพลเล็ก รวมถึงพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีอีกด้วย ทั้งนี้จะมีการแจ้งความกลับดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จะมีการนัดวันเวลาและสถานที่อีกครั้ง
จากนั้น นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ทุกวันนี้อยากขอโอกาสจากสื่อและทุกคน รวมถึงอยากแสดงความมั่นใจว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สำหรับตนไม่ได้กระทบอะไรก็ยังคงเดินหน้าสู้เพื่อความจริงต่อไป โดยยอมรับว่ามีปัญหากับผู้ใหญ่ในประเทศบางคน ซึ่งไม่พอใจตนในเรื่องที่ตนไม่ไปสนับสนุนในทางการเมือง อีกประเด็นหนึ่งคือในเรื่องของผลประโยชน์อื่น ซึ่งตนได้บอกแล้วว่าชีวิตตนต่อสู้ทำมาหากินที่ได้มาโดยสุจริตไม่เคยโกงใคร ตามที่เคยบอกไปว่า "พี่มันสายโกง ผมมันสายเปย์" ขณะเดียวกันได้กล่าวทิ้งท้ายว่า กระสุนที่มันผ่านหัวไปแล้วมันมีความรู้สึกแล้วจะให้เกิดขึ้นอีกไหมกับชีวิตตน ไม่ว่าอะไรก็ตามไม่เคยท้อแท้หมดกำลังใจยืนยันที่จะสู้ และไม่ได้ต้องการมาหาประโยชน์จากใคร เพียงต้องการแค่สู้ให้รุ่นต่อๆ ไปและอยากให้ทุกคนมาร่วมกันสู้ สู้กับความอยุติธรรม เพื่อให้สังคมบ้านเมืองไม่ถูกกระทำเหมือนอย่างที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่รัฐบางคนที่คอยรับคำสั่งการทางวาจาจากผู้มีอำนาจ