Header Ads

๒๓  ตุลาคม  ๒๕๖๕
วันปิยมหาราช
วันพระบิดาแห่งประชาธิปไตย
โดย  นายสมพร  มูสิกะ  เลขาธิการ  สภากรรมการแห่งชาติ
    ด้วยวันนี้เป็นวันรำลึกสมเด็จพระปิยะมหาราชได้เวียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่ง  สภากรรมกรแห่งชาติของน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ท่าน  ด้วยการปฏิบัติบูชา  สร้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างสันติ  เพื่อเป็นแบบอย่างของโลกในการแก้ปัญหาชาติและแก้ปัญหาโลก  โดยเฉพาะสถานการณ์ของไทยในปัจจุบันได้เกิดการขัดแย่งทางทฤษฎีเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์  เพื่อยุติปัญหานี้จึงต้องยกขึ้นสู่หลักวิชา  ตามแนวทางของพระปิยะมหาราช
    ประชาธิปไตย  กับ  เผด็จการ  เป็นวิธีอยู่ร่วมกันของมนุษย์  ซึ่งต่างก็มีมาแต่ดึงดำบรรพ์  คู่กับมนุษย์เมื่อชุมชนพัฒนาขึ้นเป็นรัฐ  (State)  มนุษย์ได้นำเอาเผด็จการมาใช้ให้เป็นระบอบการปกครอง  เรียกว่าการปกครองระบอบเผด็จการ  (Dictatorship)  ซึ่งใช้มาตลอดประวัติศาสตร์  สมัยโบราณ  (Ancient  History)  และสมัยกลาง  (Middle  Ages)  อันยาวนานหลายพันปี  จนถึงระยะแรกของประวัติศาสตร์สมัยใหม่  (Modern  History)  โดยใช้รูปของระบอบการปกครองต่าง  ๆ  กัน  ส่วนใหญ่มี  ๒  รูป  คือ  ระบอบอภิชนาธิปไตย  (Aristocracy)  และระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์  (Absolute  Monarchy)
    เมื่อประมาณ  ๓๐๐  ปีมานี้มนุษย์ได้เริ่มนำเอาประชาธิปไตยมาใช้เป็นระบอบการปกครอง  เรียกว่าการปกครองแบบประชาธิปไตย  หรือการปกครองระบอบประชาธิปไตย  (Democratic  Government)  ซึ่งคนไทยนิยมเรียกย่อ  ๆ  ว่าระบอบประชาธิปไตย
    หลักการสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตย  คืออำนาจอธิปไตยเป็นของ   ปวงชน  ซึ่งอับราฮัม  ลินคอล์น  อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ  ขยายความว่า  การปกครองระบอบประชาธิปไตย  คือการปกครองของประชาชน  โดยประชาชน  เพื่อประชาชน  ผลการทดลองในยุโรปและอเมริกาเหนือพิสูจน์ให้เห็นว่าระบอบประชาธิปไตยเป็นการปกครองที่เป็นธรรมเพราะความเป็นธรรมย่อมสอดคล้องกับประโยชน์ของประชาชนเสมอไป  หรือประโยชน์ของประชาชนย่อมสอดคล้องกับความเป็นธรรมเสมอไป  ซึ่งเป็นกฎของมนุษย์  ฉะนั้น  ประเทศใดมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย  ประชาชนจึงได้รับผลประโยชน์คือ  มีเสรีภาพ  มีสิทธิ  มนุษยชน  และมีชีวิตความเป็นอยู่พ้นจากขีดแห่งความยากจน  เป็นจริงดังคำของอับราฮัม  ลินคอล์น  ว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยคือการปกครองเพื่อประชาชน  เพราะเมื่ออำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนแล้ว  ประชาชนย่อมใช้อำนาจนั้นเพื่อประโยชน์ของประชาชนเอง

    ในประวัติศาสตร์สมัยโบราณและสมัยกลางซึ่งใช้ระบอบเผด็จการนั้น  การปกครองจะเป็นธรรมหรือเป็นอธรรม  ขึ้นอยู่กับพระเจ้าแผ่นดินว่าจะเป็นพระราชา  พระมหาราชา  หรือทรราชา  ถ้าพระเจ้าแผ่นดินเป็นพระราชาการปกครองก็เป็นธรรม  ยิ่งเป็นพระมหาราช  การปกครองก็เป็นธรรมอย่างยิ่ง  เช่น  การปกครองของพระเจ้าอโศกมหาราช  และพ่อขุนรามคำแหงมหาราช  เป็นต้น  แต่ถ้าพระเจ้าแผ่นดินเป็นทรราชการปกครองก็เป็นอธรรมอย่างรุนแรง  เช่น  การปกครองของจักรพรรดิเนโรแห่งโรมัน
    แต่ระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นการปกครองที่เป็นธรรมอยู่ในตัวแล้ว  ซึ่งบังคับให้รัฐบาลต้องมีความเป็นธรรม  ถ้ารัฐบาลไม่มีความเป็นธรรมก็จะอยู่ไม่ได้
    แต่มหาอำนาจในยุโรปและอเมริกาที่เป็นประชาธิปไตยนั้น  เป็นประชาธิปไตยแต่ในประเทศของตน  ต่อประเทศล้าหลังในเอเชียและทวีปอื่น  ๆ  กลับใช้ระบอบเผด็จการ  ในรูปของลัทธิล่าอาณานิคม  ซึ่งประเทศไทยก็ตกเป็นเหยื่อด้วยประเทศหนึ่ง  แต่ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ซึ่งทรงเป็นพระมหาราช  ได้ทรงรักษาชาติไทยให้พ้นภัยมาได้  สมเด็จพระปฐมบรมราชจักรีวงศ์  ทรงรักษาชาติไทยให้พ้นภัยจากพม่าข้าศึก  สมเด็จพระปิยมหาราช  ทรงรักษาชาติไทยให้พ้นภัยจากเจ้าอาณานิคมทั้งหลาย
    การรักษาชาติไทยให้พ้นภัยจากเจ้าอาณานิคมนั้น  ประเทศต่าง  ๆ  ในเอเชียใช้วิธีต่าง  ๆ  กัน  เช่น  วิธีอ่อนหวาน  วิธีผ่อนปรน  วิธีต่อสู้ด้วยกำลัง  และวิธีอาศัยกฎหมายระหว่างประเทศ  เป็นต้น  ซึ่งล้วนแต่ล้มเหลวทั้งสิ้น
    ด้วยพระปรีชาญาณอันสุขุมคัมภีรภาพ  สมเด็ดพระเจ้าปิยมหาราชทรงค้นพบว่า  วิธีต่อสู้กับเจ้าอาณานิคมอย่างได้ผล  คือการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์  เป็นระบอบประชาธิปไตย  ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  การสถาปนาการปกครองแบบประชาธิปไตย  หรือการสร้างประชาธิปไตย
    การสร้างประชาธิปไตยมี  ๒  ขั้นตอน  ขั้นตอนแรกคือการสร้างรัฐแห่งชาติ  (National  State)  โดยยกเลิกการปกครองแบบเก่าและตั้งกระทรวงอย่างยุโรป  พร้อมด้วยการขยายเสรีภาพโดยเฉพาะคือการเลิกทาส  ขั้นตอนที่  ๒  คือเปลี่ยนอำนาจอธิปไตยของพระมหากษัตริย์เป็นอำนาจอธิปไตยของประชาชน

    สมเด็จพระปิยมหาราช  ทรงกระทำสำเร็จในขั้นตอนที่  ๑  และในระหว่างทรงดำเนินการขั้นตอนที่  ๒  ก็เสด็จสวรรคตเสียกลางคัน  ในขณะที่พระจักรพรรดิมัตซูฮิโต  ซึ่งทรงสร้างประชาธิปไตยในญี่ปุ่นมาพร้อม  ๆ  กับสมเด็จพระปิยมหาราช  และทรงมีพระชนม์มายุ  ยืนยาว  ได้บรรลุผลสำเร็จในขั้นตอนที่  ๒  ทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศประชาธิปไตย  และเป็นหนึ่งในประเทศร่ำรวยที่สุด  ๗  ประเทศ
    สมเด็จพระมงกุฎเกล้า  ทรงสืบทอดพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระราชบิดาต่อไป  ด้วยการขยายเสรีภาพอย่างกว้างขวาง  ซึ่งเป็นการสร้างเงื่อนไขอย่างสมบูรณ์สำหรับสมเด็จพระปกเกล้า  ที่จะทรงสร้างประชาธิปไตยให้สำเร็จตามพระราชปณิธานที่ว่า  “ข้าพเจ้าสมัครใจจะสละอำนาจของข้าพเจ้าให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป”  แต่ในขณะทรงดำเนินการเพื่อโอนอำนาจให้แก่ประชาชนอยู่นั้น  ก็ถูกคณะราษฎรชิงอำนาจไปเสียก่อน  และเอาไปให้แก่คนส่วนน้อย  ที่สืบทอดการปกครองโดยพรรคต่าง  ๆ  มาจนถึงปัจจุบัน  การสร้างประชาธิปไตยของพระมหากษัตริย์จึงล้มเหลว  ทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบเผด็จการสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบเผด็จการรัฐสภา  ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  
    ถ้าคณะราษฎรไม่ทำลายพระราชกรณียกิจสถาปนาการปกครองระบอบประชาธิปไตย  ของสมเด็จพระปกเกล้าเสีย  การสร้างประชาธิปไตยในประเทศไทยก็สำเร็จตั้งแต่เมื่อ  พ.ศ.๒๔๗๕  และเวลา  ๘๓  ปี  เป็นการเหลือเฟือสำหรับประเทศไทย  ซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ  ที่จะไล่ทันหรือขึ้นหน้าญี่ปุ่น
    ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในประเทศไทย  แม้ว่าจะเป็นระบอบเผด็จการรูปหนึ่ง  แต่เนื่องด้วยมีทศพิธราชธรรมเป็นรากฐาน  และพระมหากษัตริย์ล้วนแต่ทรงคุณธรรมอันมหาประเสริฐ  ฉะนั้นการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของประเทศไทย  โดยเฉพาะภายใต้พระบรมราชจักรีวงศ์  จึงเป็นการปกครองที่เป็นธรรม  แตกต่างกับการปกครองระบอบเผด็จการรัฐสภา  ซึ่งเป็นการปกครองที่ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง  ถึงขนาดนักการเมืองถูกแช่งด่าสาปแช่งดังที่เห็นกันอยู่
    แม้หากว่าระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จะยังดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน  ประเทศชาติก็จะเจริญก้าวหน้าและประชาชนมีความสุขด้วยการปกครองที่เป็นธรรม  ประเทศชาติไม่เสื่อมโทรมและประชาชนไม่ต้องทนทุกข์ด้วยการปกครองถึงอธรรมขนาดนี้  สมเด็จพระปกเกล้าตรัสไว้เมื่อ  พ.ศ.๒๔๗๗  ในขณะที่ระบอบเผด็จการรัฐสภาพยังไม่รุนแรงอย่างในปัจจุบันว่า  “สมบูรณาญาสิทธิราชย์ของพระเจ้าแผ่นดิน  ยังดีกว่าสมบูรณาญาสิทธิของคณะ”  ข้อเท็จจริงในปัจจุบันพิสูจน์ความถูกต้องของพระราชดำรัสนี้  เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า  ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ดีกว่าระบอบเผด็จการรัฐสภาอย่างไม่อาจเปรียบเทียบกันได้เลย
    ถึงกระนั้น  สมเด็จพระปิยมหาราช  ก็ทรงมีพระราชปนิธานจะยกเลิกระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และสถาปนาระบอบประชาธิปไตยขึ้นแทน  และได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจสำเร็จแล้วในขั้นตอนที่  ๑  ด้วยทรงเล็งเห็นว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยคือการปกครองที่เป็นธรรมอันจะยังความปลอดภัยและความเจริญแก่ประเทศชาติและยังความผาสุขแก่ประชาชน  ตามพระราชหัตถเลขาของสมเด็จพระปกเกล้าที่กล่าวถึงพระราชดำรัสแก้ไขการปกครองแผ่นดินของสมเด็จพระปิยมหาราชว่า  “พระราชดำรัสนี้นอกจากจะให้ความรู้อันดียิ่งดังกล่าวแล้ว  ยังทำให้ทราบในพระราชหฤทัยของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเป็นอย่างดีว่าพระองค์ท่านมิได้นึกถึงสิ่งอื่นเลยนอกจากความสุขของประชาชนและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศที่เป็นที่ตั้งเป็นหลักสำคัญในการที่จะทรงพระราชดำริกิจการใด  ๆ  ทั้งปวง”  นี่คือจุดยืนประชาชนและประเทศชาติ  ซึ่งเป็นพระราชฤทัยของนักประชาธิปไตยผู้ยิ่งใหญ่  คือจิตใจแห่งความเป็นธรรมอันน้อมนำพระองค์ท่านไปสู่ความสำเร็จพระราชกรณียกิจสถาปนาการปกครองระบอบประชาธิปไตย  ซึ่งแม้ว่าจะเป็นผลสำเร็จเพียงขั้นตอนที่  ๑  เพราะเสด็จสวรรคตเสียกลางคัน  ก็มีผลเป็นการรักษาชาติไทยให้อยู่รอด  เบิกทางไปสู่ความก้าวหน้าแห่งอารยสมัย  และวางรากฐานให้แก่ความสำเร็จสมบูรณ์ของการสร้างประชาธิปไตยต่อไป  ยังผลให้พระองค์ท่านทรงดำรอยู่ในฐานะพระบิดาแห่งประชาธิปไตยซึ่งเป็นเงื่อนไขอันสำคัญที่สุดให้ทรงสถิตอยู่ในดวงใจของพสกนิกรอันพร้อมกันถวายพระราชมัญญาว่า  “สมเด็จพระปิยมหาราช” 
    วันนี้  เป็นวันปิยมหาราช  ขบวนการกรรมกรไทย  ขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยร่วมใจพร้อมเพรียงกันถวายราชสักการะด้วยปฏิบัติบูชา  โดยสืบทอดพระราชกรณียกิจสถาปนาการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ค้างอยู่ให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์
    ทั้งนี้  จะเป็นไปด้วยการเจริญรอยพระยุคลบาทสมเด็จพระปิยมหาราช  ในการปลูกฝังความเป็นนักประชาธิปไตย  โดยเฉพาะคือจิตใจแห่งความเป็นธรรม  ให้เจริญงอกงามขึ้นในกมลสันดาน  เพราะว่าระบอบประชาธิปไตยคือการปกครองที่ถือประโยชน์ของประชาชนเป็น        
ใหญ่  และประโยชน์ของประชาชนย่อมสอดคล้องกับความเป็นธรรมเสมอไป  ฉะนั้นระบอบประชาธิปไตยจึงเป็นการปกครองที่ถือธรรมเป็นใหญ่  ซึ่งเรียกว่า  ธรรมาธิปไตย
    ฉะนั้น  จึงต้องมีนักประชาธิปไตยที่เจริญรอยตามพระยุคลบาทสมเด็จพระปิยมหาราชพระบิดาแห่งประชาธิปไตย  ในการปลูกฝังจิตใจแห่งความเป็นธรรมเท่านั้น  จึงจะสร้างประชาธิปไตยในประเทศไทย  จึงจะสร้างการปกครองธรรมาธิปไตยในประเทศไทย  ให้เป็นผลสำเร็จขึ้นได้
    และความสำเร็จของการปกครองธรรมาธิปไตยในประเทศไทย  จะเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่เป็นแบบฉบับของโลก  เพราะเป็นระบอบประชาธิปไตยที่คนไทยสร้างขึ้นตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาซึ่งโลกียธรรมตั้งอยู่บนรากฐานของโลกุตตธรรม  อันไม่เพียงแต่นำโลกไปสู่สันติภาพถาวรเท่านั้น  หากยังจะนำมนุษยชาติไปสู่สันติสุขนิรันดร  อีกด้วย
    
                
                                                              

ขับเคลื่อนโดย Blogger.