“พลิกโฉมมหาวิทยาลัย” พร้อมก้าวสู่ความเป็นเลิศ - ผู้นำวันนี้ DAILY
" height=" " />

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad




วันจันทร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2567

“พลิกโฉมมหาวิทยาลัย” พร้อมก้าวสู่ความเป็นเลิศ

อว. โชว์ศักยภาพ “พลิกโฉมมหาวิทยาลัย” พร้อมก้าวสู่ความเป็นเลิศ ยกระดับมหาวิทยาลัยไทยสู่ระดับ TOP ของโลก

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.)  โชว์ศักยภาพความก้าวหน้าของโครงการ “พลิกโฉมมหาวิทยาลัย” (Reinventing University) เตรียมพร้อมสู่การปฏิรูปเต็มรูปแบบในปี 2567 กุญแจสำคัญที่ทำให้เกิดการปฏิรูประบบอุดมศึกษาเพื่อให้ “มหาวิทยาลัย” มีศักยภาพในการผลิตบัณฑิตที่เชื่อมโยงกับความต้องการที่แท้จริงของประเทศและเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ให้สอดคล้องและเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในปี 2564 – 2566 ได้ดำเนินโครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย ตามกลุ่มยุทธศาสตร์ 5 กลุ่ม มีสถาบันอุดมศึกษาได้รับการคัดเลือก 61 แห่ง รวม 126 โครงการ 

ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า การพลิกโฉมสถาบันอุดมศึกษา (Reinventing University) เป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการปฏิรูปสถาบันอุดมศึกษาให้สามารถจัดการศึกษา วิจัย และผลิตบัณฑิตให้ตอบโจทย์ ความต้องการของประเทศตามศักยภาพและความถนัด เพื่อเป็นหัวจักรในการพัฒนาประเทศนำไปสู่ความยั่งยืน ส่งเสริมการวิจัยที่มีคุณภาพระดับสากลและสามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้ มีการตีพิมพ์ผลงานวิจัยตามสาขาวิชาที่เชี่ยวชาญของแต่ละสถาบันเพื่อขยับอันดับมหาวิทยาลัยโลก (World University Ranking) ให้อยู่ในระดับที่ดีขึ้น โดยใช้กลไกการจัดสถาบันอุดมศึกษาเป็นกลุ่ม เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาในแต่ละกลุ่มสามารถสร้างความเป็นเลิศตามความเชี่ยวชาญ ซึ่ง อว. จะส่งเสริม สนับสนุน ประเมินคุณภาพ กำกับดูแลและจัดสรรงบประมาณให้แก่สถาบันอุดมศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพและนำมาซึ่งประสิทธิผลในการสร้างความเข้มแข็งทางการศึกษาของประเทศ และมุ่งไปสู่การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศรวมทั้งใช้เป็นฐานในการพัฒนาประเทศ นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน  
สำหรับภาพรวมการดำเนินงานที่ผ่านมา เกิดการทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายในการเชิญนักวิจัยระดับโลกมาทำงานร่วมกับนักวิจัยไทย เกิดผลงานวิจัยที่มีคุณภาพสูงระดับโลกเพิ่มขึ้น (กลุ่มที่ 1) มีแพลตฟอร์มที่เพิ่มศักยภาพเร่งการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ (Business Acceleration Platform) หรือนวัตกรรมจากงานวิจัยไปสู่การไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ (กลุ่มที่ 2 และ กลุ่มที่ 1) และเกิดเครือข่ายการสร้างบัณฑิตและผู้ประกอบการร่วมกันผ่านศูนย์อัจฉริยะในกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ 5 แห่งในภาคใต้ โดยการใช้ทรัพยากรร่วมกันข้ามมหาวิทยาลัยในการจัดทำหลักสูตร degree & upskill/ (กลุ่มที่ 3) 
โดยมหาวิทยาลัยไทยมีสาขาวิชาที่ติดอันดับโลก เพิ่มขึ้น 45 สาขา จาก 64 สาขา ในปี 2020 และเพิ่มขึ้นเป็น 101 สาขา ในปี 2023 มีสาขาที่เด่น ๆ เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อันดับ 57 ในสาขาเกษตรและป่าไม้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันดับที่ 51-100 ในสาขาปิโตรเลียม มหาวิทยาลัยมหิดล อันดับที่ 99 ในสาขาเภสัชศาสตร์ เป็นต้น นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยไทยยังมีนักวิจัยที่ได้รับการยกย่องเป็น Top 2% ของโลกโดย Stanford University เพิ่มขึ้น 190 คน จาก 40 คนในปี 2017และเพิ่มขึ้นเป็น 230 คน ในปี 2023 ส่วนใหญ่มาจากมหาวิทยาลัยในกลุ่มที่ 1 รวมถึงมหาวิทยาลัยไทยได้รับการจัดอันดับโลกใน THE Impact Ranking ที่ตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) จำนวนมาก โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยกลุ่มที่ 3 ที่เพิ่มขึ้นถึง 27 แห่ง จาก 4 แห่งในปี 2563 และเพิ่มขึ้นเป็น 31 แห่งในปี 2566
โดยมีสถาบันอุดมศึกษาที่ได้สังกัดกลุ่ม ประจำปีงบประมาณ 2565 - 2566 จำนวน 104 แห่ง ได้แก่ กลุ่มที่ 1 กลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก มี 17 แห่ง กลุ่มที่ 2 กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม มี 19 แห่ง กลุ่มที่ 3 กลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนอื่น มี 48 แห่ง กลุ่มที่ 4 กลุ่มพัฒนาปัญญาและคุณธรรมด้วยหลักศาสนา มี 2 แห่ง และกลุ่มที่ 5 กลุ่มผลิตและพัฒนาบุคลากรวิชาชีพและสาขาจำเพาะ มี 18 แห่ง

นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี หัวหน้ากลุ่มภารกิจบริหารยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัด อว. กล่าวถึง แผนระยะต่อไปของโครงการฯ คือ สนับสนุนกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาขับเคลื่อน BCG โดยใช้กลไกของสถาบันอุดมศึกษาไทยไปสู่ระดับ Top ของโลก การสร้างความร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาจากต่างประเทศ ด้วยการแลกเปลี่ยน Visiting Professor เน้นการทำงานวิจัย รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่มาตรฐานในระดับนานาชาติ อันจะนำไปสู่การยกระดับสถาบันอุดมศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐานในระดับสากล สามารถขยับอันดับมหาวิทยาลัยโลก (World University Ranking) ให้อยู่ในระดับที่ดีขึ้นได้  จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่สถาบันในระดับอุดมศึกษาจะต้องถ่ายทอดความรู้และความเข้าใจให้กับบุคลากร เพื่อนำไปสู่การสร้างนวัตกรรม นำไปสู่การสร้างสรรค์องค์ความรู้ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่มีฐานมูลค่าและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง

ความสำเร็จของโครงการ “พลิกโฉมมหาวิทยาลัย” (Reinventing University) ที่สร้างผลงานที่มีความถนัดและเชี่ยวชาญโดย กลุ่มที่ 1 กลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก อาทิ ม.เกษตรศาสตร์ ทำเรื่องการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถขั้นสูงของกำลังคนเพื่อขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนด้านเกษตรและป่าไม้ ม.มหิดล ทำโครงการ Visiting Professor สาขา Biologics และ Drug Discovery ม.เชียงใหม่ ทำเรื่อง PM 2.5 and other Pollutants Related NCDs from Field-to-Cell-to-Bedside (FCB) ม.ศิลปากร ขับเคลื่อนบูรณาการศาสตร์และศิลป์สู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ม.เทคโนโลยีสุรนารี ทำเรื่องการใช้องค์ความรู้แนวหน้าด้านจุลินทรีย์ต่อการ ผลิตพืช ผลิตสัตว์ อาหาร และสารชีวภาพ เป็นต้น  
กลุ่มที่ 2 กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม ม.เทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ทั้ง 9 แห่งเปิดให้มีการลงทะเบียนเรียนข้ามหาวิทยาลัยพร้อมทำเรื่องระบบธนาคารหน่วยกิต เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเข้าถึงระบบการเรียนการสอนง่ายขึ้นกว่าเดิม นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาส่งเสริมให้ระบบได้รับการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น ขณะที่ ม.แม่โจ้ ยกระดับวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรสมัยใหม่ ทำให้เกิดหลักสูตรการพัฒนากำลังคนและผลักดันให้เกิดการสร้างธุรกิจใหม่ตลอดจนพัฒนาความร่วมมือกับนานาประเทศทางด้านวิชาการเกษตร มทร.อีสาน และ ม.เชียงใหม่ นำความเป็นอีสานและเหนือร่วมกันพัฒนาข้าวสายพันธุ์ต่างๆ พัฒนาสายพันธุ์พืชสมุนไพรพื้นถิ่น รวมถึงกัญชง กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์
กลุ่มที่ 3 กลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนอื่น มรภ.มหา สารคาม จัดตั้ง “หมู่บ้านราชภัฏ” ได้กว่า 17 ชุมชน เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนอย่างเบ็ดเสร็จ เพื่อส่งเสริมให้คนในชุมชนมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างเข้มแข็ง เป็นต้น 
ส่วนกลุ่ม 4 และ กลุ่ม 5 อยู่ระหว่างติดตามผลการดำเนินงาน
****************************

Post Bottom Ad





Pages