นายนภา รุจิเทศ ร้องสื่อ แฉพระภิกษุ ดร. ฉาว ส่งคลิปภาพลามกให้สีกา สำนักพุทธฯ ตรวจสอบแล้วไม่พบผิด
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2568 ที่ สภ.บางบัวทอง นายนภา รุจิเทศ พุทธศาสนิกชน ชาวชุมพร ออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมพระภิกษุชื่อดังในจังหวัดชุมพร หลังพบหลักฐานแชทคลิปภาพลามกที่ถูกกล่าวหาว่าส่งให้สีกา โดยระบุว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่เหมาะสมและอาจขัดต่อพระธรรมวินัย ซึ่งอาจนำไปสู่การอาบัติปาราชิก ซึ่งถือเป็นการทำลายความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน พร้อมทั้งยื่นหนังสือร้องเรียนต่อไปยังสำนักพุทธและคณะกรรมาธิการศาสนาด้วย
นายนภา รุจิเทศ เปิดเผยว่า ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2567 เพื่อขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระภิกษุ ดร.ดัง ซึ่งเป็นถึงเจ้าคณะอำเภอ เลขานุการเจ้าคณะภาค และเป็นรองเจ้าอาวาสวัดดัง ใน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม คบหาสมาคมกับสตรีในทางชู้สาว รวมถึงเรียกร้องผลประโยชน์จากญาติโยมและพระสงฆ์โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่
จากเอกสารร้องเรียนระบุว่า พระภิกษุรูปนี้มีพฤติกรรมคบหาสตรีเพศหลายรายต่อเนื่องเป็นเวลานาน ตั้งแต่จำพรรษาที่วัดใน กรุงเทพฯ จนถึงจังหวัดชุมพร โดยมีหลักฐานแชทไลน์ที่สนทนากับสตรี 2 ราย ได้แก่ นางน้อย (นามสมมุติ) ข้าราชการโรงพยาบาลใน อ.สามพราน และสตรีอีกคนชื่อ “จ.” โดยใช้ชื่อในแชทว่า “ไผ่ไร้กอ” ซึ่งมีการพูดคุยในลักษณะไม่เหมาะสม
หลังจากการร้องเรียน ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชุมพรได้ส่งเรื่องให้เจ้าคณะจังหวัดชุมพรตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมีรองเจ้าคณะจังหวัดเป็นประธาน ผลการสอบสวนเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ระบุว่า พระภิกษุ ดร.ดัง ที่ถูกร้องเรียน ไม่ได้มีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหา และมองว่าหลักฐานที่นำเสนอเป็นการสร้างเอกสารเท็จเพื่อกล่าวร้าย จึงให้ยกคำร้องทุกข้อกล่าวหา ส่วนการตรวจสอบบัญชีการเงินนั้น คณะกรรมาธิการระบุว่าไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่
เมื่อผลการสอบสวน พระภิกษุ ดร. ดัง ที่ถูกกล่าวหาว่า ไม่มีพฤติกรรมที่กล่าวหา จึง "ไม่มีความผิด" ทางด้าน นายนภา ผู้กล่าวหาจึงได้แสดงความไม่พอใจต่อผลการสอบสวน โดยระบุว่า “หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ สังคมก็เห็นอยู่ ว่าแชทและพฤติกรรมแบบนี้เป๋นการไม่เหมาะสมกับสมณเพศ ผมเป็นพุทธศาสนิกชนที่อยากรักษาศาสนาไว้ จึงอยากให้มีการตรวจสอบอย่างโปร่งใสและจริงจัง” เขาจึงยังเรียกร้องให้มีการสอบสวนใหม่ เพื่อปกป้องความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนและป้องกันไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก
นายนภา เน้นย้ำว่า หากพบว่าพระภิกษุกระทำผิดจริง ควรดำเนินการลงโทษตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 เพื่อให้เป็นตัวอย่างและรักษาความบริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำที่อาจนำไปสู่การอาบัติปาราชิก ซึ่งเป็นโทษสูงสุดที่ทำให้ขาดจากความเป็นพระ
กรณีนี้ยังคงเป็นที่จับตาของสังคม โดยเฉพาะในยุคที่มีโซเชียลมีเดีย จึงทำให้ข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว การตรวจสอบที่โปร่งใสและเด็ดขาดจะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวไทย
ทีมข่าวเฉพาะกิจ จะรายงานข่าวความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
ที่มา: ข้อมูลจากการสัมภาษณ์นายนภา รุจิเทศ และเอกสารร้องเรียนต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ติดต่อร้องเรียน / ชี้แจง ทีมข่าวเฉพาะกิจ Tel : 0969099986
Lind : ID 0937939312