ชลบุรี บก.ปทส. — แจ้งความคืบหน้าหลัง บุกปิดโรงงานไฟเบอร์เถื่อนชลบุรี พบลักลอบผลิตโดยไม่มีใบอนุญาต — พบแรงงานต่างด้าว/เครื่องจักรกำลังสูง"
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 หน่วยงานหลายฝ่ายร่วมปฏิบัติการตรวจสอบกรณีร้องเรียนที่แจ้งมาจากผู้บริโภคเกี่ยวกับคุณภาพเหล็กไฟเบอร์ ผลการตรวจสอบเป็นไปตามที่ได้รับแจ้ง — พบการประกอบกิจการผลิตเหล็กไฟเบอร์กลาสเสริมแรง (GFRP) โดยไม่ได้รับอนุญาต
หน่วยงานที่เข้าร่วมตรวจสอบได้แก่
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.)
สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 13 (ชลบุรี)
สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี
สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรี
ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี
เทศบาลตำบลห้วยใหญ่ (หน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง)
เข้าตรวจสอบ บริษัท เอส.เอส.อาร์.ที. (2009) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 21/4 หมู่ที่ 5 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีกรรมการบริษัท น.ส.ณัฐภรณ์ อุดทาเจริญ ซึ่งเป็นกรรมการ/ผู้รับผิดชอบของสถานประกอบการ
จากการตรวจสอบพบ สถานประกอบการดังกล่าว ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และ ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีการแจ้งจัดตั้งสถานประกอบกิจการตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข และไม่มีมาตรการควบคุมการปล่อยมลพิษทางอากาศ/กลิ่นจากกระบวนการผลิตที่เพียงพอ
พบการใช้เครื่องจักรในการประกอบกิจการที่มีกำลังรวม ประมาณ 107.62 แรงม้า ซึ่งเข้าข่ายต้องขึ้นทะเบียนและควบคุมตามกฎหมายโรงงาน แต่สถานประกอบการไม่สามารถแสดงเอกสารอนุญาต/การยื่นจดแจ้งได้
พบแรงงาน/ผู้ปฏิบัติงานในสถานประกอบการ จำนวน 13 คน (ตามการตรวจสอบภายใน) และพบการใช้แรงงานต่างด้าวบางส่วนโดยไม่มีเอกสารการอนุญาตทำงานที่ถูกต้องหรือไม่สามารถแสดงหลักฐานได้เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกตรวจ
สถานประกอบการไม่ได้จัดให้มีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลและการจัดการความปลอดภัยภายในสถานประกอบการไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่:
เจ้าหน้าที่ได้สั่ง หยุดการประกอบกิจการ (สั่งปิดชั่วคราว) และควบคุมสถานที่เพื่อดำเนินการตรวจสอบตามกระบวนการกฎหมาย
ดำเนินการควบคุมตัว/จับกุมผู้รับผิดชอบของสถานประกอบการเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่สอบปากคำและดำเนินคดีตามกฎหมาย คือ น.ส.ณัฐภรณ์ กรรมการบริษัท เพื่อตรวจสอบ/ดำเนินคดีตามกฎหมาย)
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 กฎหมายคุ้มครองแรงงาน และกฎหมายว่าด้วยการใช้แรงงาน/คนต่างด้าว รวมทั้งกฎหมายสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง
กรณีนี้เป็นตัวอย่างของการลักลอบประกอบกิจการที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพวัสดุและความปลอดภัยของผู้บริโภค รวมถึงความเสี่ยงด้านมลพิษต่อชุมชน เจ้าหน้าที่ย้ำว่าการตรวจสอบจะดำเนินการอย่างเข้มข้นและจะมีการดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนเพื่อป้องกันการลักลอบประกอบกิจการในลักษณะเดียวกันต่อไป