มหากาพย์ทวงคืนความยุติธรรม "บ้านศิลาสุวรรณ" ศาลสมุทรสาคร เพิกถอนสาวใช้จากผู้จัดการมรดก คืนสิทธิทายาทโดยชอบธรรมเพียงผู้เดียว ...
คดีมรดก 500 ล้าน "บ้านศิลาสุวรรณ" ใกล้ถึงบทสรุป — ศาลสมุทรสาคร มีคำสังเพิกถอนการแต่งตั้งสาวใช้จากผู้จัดการมรดก แต่งตั้งทายาทโดยชอบธรรมเพียงผู้เดียว ...
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดสมุทรสาครมีคำสั่ง เพิกถอนการแต่งตั้งสาวใช้จากผู้จัดการมรดก และแต่งตั้ง ทายาทโดยชอบธรรมเพียงผู้เดียว เป็นผู้จัดการมรดกแทน ทายาทเตรียมเรียกทรัพย์เข้ากองมรดก เพื่อสั่งให้ทรัพย์สินทั้งหมดกว่า 500 ล้านบาท ที่ถูกโอนออกไปมิชอบ ต้องถูกเรียกคืนเข้ากองมรดกเพื่อแบ่งปันทายาทอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ย้อนรอยคดี: จากเศรษฐีนีใจบุญสู่คดีสะเทือนสังคม นางวีณา ศิลาสุวรรณ เศรษฐีนีผู้มีชื่อเสียงด้านการกุศลใน จ.สมุทรสาคร ได้เสียชีวิตลงเมื่อปี 2564 โดยทิ้งทรัพย์สินจำนวนมหาศาลไว้ให้ครอบครัว แต่กลับเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น — สาวใช้คนสนิท ได้อ้างตนเป็นบุตรบุญธรรมและเข้ายื่นขอจัดการมรดก
บทบาทของ “ธัญญรส รัตนณวัฒนสกุล” พยานผู้เปิดโปง
น.ส.ธัญญรส รัตนณวัฒนสกุล อดีตลูกจ้างฝ่ายทะเบียน อ.เมืองสมุทรสาคร ได้ตรวจพบว่ามีการนำ ลายเซ็นปลอม ของเธอไปใส่ในเอกสารรับบุตรบุญธรรม โดยอ้างว่าเธอเป็นพยานในวันเซ็นเอกสาร ทั้งที่เธอไม่เคยเกี่ยวข้อง เธอจึงลุกขึ้นมาเป็นพยานเบิกความต่อศาล และนับเป็น กุญแจสำคัญ ที่ทำให้ศาลพิพากษาเพิกถอนการรับบุตรบุญธรรมดังกล่าว ส่งผลให้สาวใช้หมดสิทธิ์ในกองมรดกมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดโปงความจริง ธัญญรสกลับถูกกลั่นแกล้ง ถูกประเมินไม่ผ่านงานเพราะ ขาดคุณธรรม – จริยธรรม โดย ที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรสาคร โดยไม่ชี้แจงข้อเท็จจริง ว่า ขาดคุณธรรมอย่างไร และ ถูกให้ออกจากงาน ทั้งที่ทำงานมากว่า 10 ปีโดยไม่เคยมีความผิดวินัย นำไปสู่การร้องขอความเป็นธรรมต่อสังคม
นายรัชต์พล ศิลาสุวรรณ ให้ข้อมูลว่า เมื่อ 1 มกราคม 2567 ศาลได้เพิกถอนทะเบียนรับบุตรบุญธรรมของสาวใช้ และ 3 มีนาคม พ.ศ. 2568 เวลา 9.00น ศาลอุทธรณ์ชำนาญพิเศษได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ในคดีมรดกมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท
ล่าสุด 19 ส.ค. 2568 ศาลจังหวัดสมุทรสาครเพิกถอนการแต่งตั้งสาวใช้เป็นผู้จัดการมรดก และตั้งทายาทโดยชอบธรรมเป็นผู้จัดการเพียงผู้เดียว
หลังจากนี้ทายาทมีอำนาจในการดำเนินการแล้ว ทางทายาทคงจะดำเนินการศาลจะมีคำสั่งให้เรียกคืนทรัพย์สินเข้ากองมรดก และเปิดทางดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้อง ทั้งในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร และความผิดตามมาตรา 157 และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
นาย ณัฐวัฒน์ รัตนณวัฒนสกุล ผู้ก่อตั้ง คดีผู้บริโภค และ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต – ภาคประชาชน
ได้ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ ตนทำงานในเงามาตลอด รับเรื่องร้องเรียนช่วยเหลือประชาชนไม่เคยรับเงินใคร มีคนตรวจสอบผมตลอดเพราะผมชอบขัดแข้งขัดขากับผู้มีอิทธิพลเป็นประจำ เพราะผมทำเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ความหวังอนาคตอยากเป็นนักการเมืองที่ดี แต่ด้วยความซื่อตรงไม่มีผู้ใดกล้าสนับสนุนผมและ หากแฟนตนผิดตนก็จะลากเข้าคุกด้วยมือของตนเองมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ทั้งนี้ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้มีคนโทรมาสอบถามเรื่องนี้ ก่อนอยู่แล้วว่าทราบเรื่องไหม แต่ตนไม่ทราบ และถามภรรยาแล้วว่าทราบเรื่องไหม ภรรยา ก็ไม่คุ้นว่ามีคนมาทำเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้ทายาทร้องสื่อ คือ บริษัท มหาชัยเคเบิลทีวี จำกัด เราเลยทราบข่าวและก็สงสัยว่า มาทำกันตอนไหน จนหัวหน้างานของ ธัญญรส ได้ค้นเอกสารและได้ทักว่า มีชื่อของเธอเป็นพยาน เธอจึงโทรปรึกษา ผมก็พยายามเค้นเธอแล้ว แต่เธอบอกไม่ได้เซ็นจริงๆเราเขียนมือซ้ายแต่ลายมือมันมือขวา ถ้าไม่ได้เซ็นก็แนะนำให้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ และผมเป็นคนชอบสืบหาความจริงอยู่แล้ว จึงได้ขอเบอร์นักข่าวเพื่อติดต่อทายาทเพื่ออยากทราบข้อเท็จจริง จึงได้นัดพบกันที่โรงพักแล้ว ลงประจำวันไว้ โดยทางทายาท แจ้งความ แต่ นส.ธัญญรส นั้น ไม่ได้แจ้งความใคร เพียงแค่ประจำวันไว้ เพราะไม่อยากดำเนินคดีกับเพื่อนร่วมงาน แต่เธอกลับถูกทั้งเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน และ นายอำเภอ กลั่นแกล้งต่อว่าตลอดมา ทั้งจะให้เบิกความเท็จและให้กลับคำให้การ จนถูกประเมินให้ออกจากงาน ผมเชื่อว่าเพราะเธอไม่ยอมทำตามในสิ่งที่ผิด
อีกทั้ง คดีนี้สะท้อนภาพการแสวงหาประโยชน์จากผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะไม่พร้อมด้านสติปัญญา ขณะเดียวกันก็เผยให้เห็นความกล้าหาญของลูกจ้างตัวเล็กๆ อย่าง น.ส.ธัญญรส ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความจริง แม้ต้องแลกด้วยหน้าที่การงานและความมั่นคงในชีวิต
วันนี้ คำพิพากษาของศาลจังหวัดสมุทรสาครไม่เพียงเป็นชัยชนะของทายาทตระกูลศิลาสุวรรณ แต่ยังเป็น การคืนความยุติธรรมให้แก่ธัญญรส ในเบื้องต้น และเป็นสัญญาณเตือนสังคมว่า ความจริงไม่มีวันถูกปิดบังตลอดไป
ทั้งนี้ นายณัฐวัฒน์ฯได้ให้ข้อสังเกตุว่า คดีนี้น่าจะเป็นเรื่องของการที่เจ้าหน้าที่บางท่านเข้าไปมีส่วนเกี่ยงข้องในการช่วยเหลือหรือเปล่า หรือรับรู้ในการทำธุรกรรมต่างๆ นายณัฐวัฒน์ ตั้งคำถาม อย่างเช่นที่ดินเราก็จะดำเนินคดีในเร็วๆนี้ แต่ยังไม่ขอเปิดเผย และยังเป็นบริษัท ที่ สามีของสาวใช้อ้างเมื่อตรวจสอบแล้ว คงจะดำเนินคดี ในฐานฟอกเงินเช่นกัน และยังกล่าวทิ้งท้ายว่า หากใครกระทำผิดให้รีบออกมายอมรับ หนักจะได้เป็นเบา และจะกันเป็นพยานให้ และช่วยเหลือทางคดีเท่าที่ทำได้ผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก
ติดต่อร้องเรียน /ชี้แจง
ทีมข่าวอาชญากรรม
Tel .090-9445409
เต่า บินได้ ภาพ/ข่าว
ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน
# คืนความยุติธรรม
#สาวใช้ฮุบมรดก 500ล้าน
#บ้านศิลาสุวรรณ
#ศาลจังหวัดสมุทรสาคร
# บริษัท มหาชัยเคเบิลทีวี จำกัด
# ถกไม่เถึยง
# โหนกระแส
# เปิดปากกับภาคภูมิ
# เรื่องเด่นเย็นนี้
# PPTV 36